จ้างทำเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เรื่องดีไซน์ แต่คือการวางรากฐานธุรกิจออนไลน์
ในยุคดิจิทัล เว็บไซต์คือหน้าร้านสำคัญของธุรกิจเกือบทุกประเภท การ “จ้างทำเว็บไซต์” ไม่ใช่เพียงการสร้างหน้าตาที่สวยงาม แต่คือการวางระบบ การเลือกแพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีที่รองรับการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เจ้าของธุรกิจหลายรายประสบปัญหา เช่น
- เว็บโหลดช้า
- แก้ไขเนื้อหาลำบาก
- ขยายฟีเจอร์ยาก
สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก “เลือกแพลตฟอร์มผิด” ตั้งแต่แรก หรือไม่เข้าใจว่าเทคโนโลยีแบบใดเหมาะกับธุรกิจของตน
ทำความเข้าใจ “แพลตฟอร์มเว็บไซต์” คืออะไร?
แพลตฟอร์มเว็บไซต์ คือ ระบบหรือเครื่องมือที่ใช้ในการสร้าง จัดการ และแสดงผลเว็บไซต์ ซึ่งมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเว็บไซต์และทรัพยากรที่คุณมี
ประเภทของแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ยอดนิยม
1. เว็บไซต์สำเร็จรูป (Website Builder)
เช่น Wix, Squarespace, Zyro
เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ใช้งานง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด
✅ เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดเล็ก ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก เว็บไซต์ส่วนตัว
❌ ข้อจำกัด: อิสระในการออกแบบและฟีเจอร์ขั้นสูงน้อยกว่าระบบอื่น
2. ระบบ CMS (Content Management System)
เช่น WordPress, Joomla, Drupal
เป็นระบบที่ให้ผู้ใช้จัดการเนื้อหาได้ง่าย และปรับแต่งได้หลากหลาย
✅ เหมาะกับ: เว็บไซต์ธุรกิจขนาดกลาง–ใหญ่, เว็บไซต์ข่าว, เว็บที่เน้นบทความ
❌ ข้อจำกัด: ต้องดูแลระบบ Hosting เอง และมีการอัปเดตบ่อยครั้ง
3. เว็บไซต์ที่พัฒนาเฉพาะ (Custom Code/Web Application)
เช่น พัฒนาโดยใช้ HTML, CSS, JavaScript, Laravel, React, Vue
✅ เหมาะกับ: ธุรกิจที่ต้องการระบบเฉพาะ, ฟีเจอร์ซับซ้อน เช่น ระบบสมาชิก, ระบบจอง
❌ ข้อจำกัด: ใช้งบประมาณและเวลาพัฒนาสูง ต้องมีทีมดูแลระบบ
4. E-Commerce Platform
เช่น Shopify, WooCommerce, Magento
✅ เหมาะกับ: ร้านค้าออนไลน์ทุกขนาด
❌ ข้อจำกัด: มีค่าธรรมเนียมบางระบบ และอาจต้องจ่ายเพิ่มสำหรับฟีเจอร์พิเศษ
การเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
วัตถุประสงค์ของเว็บไซต์
- ขายสินค้าออนไลน์
- ให้ข้อมูลบริษัท
- จองบริการ/ระบบสมาชิก
- แสดงผลงานหรือ Portfolio
- เก็บข้อมูลแบบฟอร์ม/สอบถาม
งบประมาณที่มี
- งบน้อย (5,000–15,000 บาท): ใช้ระบบสำเร็จรูป
- งบกลาง (20,000–50,000 บาท): WordPress + เทมเพลต
- งบสูง (50,000 บาทขึ้นไป): พัฒนาเว็บแบบ Custom
การดูแลหลังบ้าน
ถ้าเจ้าของเว็บต้องการอัปเดตเนื้อหาบ่อย ควรเลือกระบบที่ใช้งานง่าย เช่น WordPress หรือ Shopify
แต่ถ้ามีทีมดูแลอยู่แล้ว อาจเลือกพัฒนาเว็บแบบเฉพาะได้เพื่อความยืดหยุ่น
รองรับ SEO หรือไม่
แพลตฟอร์มบางประเภทเช่น WordPress หรือ Shopify รองรับ SEO ได้ดี แต่ระบบสำเร็จรูปบางเจ้าอาจไม่เหมาะหากคุณต้องการดันอันดับเว็บไซต์ใน Google
เคล็ดลับเลือกทีมพัฒนาเว็บไซต์ที่เข้าใจเทคโนโลยีอย่างแท้จริง
✅ มีประสบการณ์ด้านแพลตฟอร์มที่คุณต้องการ
✅ อธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละระบบได้
✅ มี Portfolio และรีวิวจากลูกค้า
✅ เสนอแนวทางรองรับการเติบโต เช่น การเพิ่มภาษา ระบบสมาชิก ระบบหลังบ้าน
✅ มีบริการหลังการขาย เช่น การอัปเดตระบบ หรือแก้ปัญหา
ตัวอย่างการเลือกแพลตฟอร์มตามลักษณะธุรกิจ
- ร้านอาหารเล็กๆ : Wix หรือ WordPress
- คลินิกความงาม : WordPress + ระบบจอง
- โรงเรียนสอนพิเศษ : WordPress หรือ Web Application + ระบบลงทะเบียน
- ร้านขายเสื้อผ้า : Shopify หรือ WooCommerce
- สตาร์ทอัปที่มีฟีเจอร์ซับซ้อน : พัฒนา Custom ด้วย Laravel หรือ React
แนวโน้มเทคโนโลยีเว็บไซต์ในปีนี้
- ระบบ Headless CMS ได้รับความนิยม
- JAMstack เว็บไซต์โหลดไวและปลอดภัย
- การใช้ AI ปรับเนื้อหาอัตโนมัติ
- Responsive Design เป็นมาตรฐาน
- ระบบเว็บ Progressive Web App (PWA) เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น
สรุป: อย่าจ้างทำเว็บไซต์โดยไม่รู้ว่า “ใช้เทคโนโลยีอะไร”
การเลือกแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีให้เหมาะสมตั้งแต่ต้น จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไม่สะดุดตอนเติบโต ไม่เสียเงินซ้ำซ้อน และใช้งานได้ยาวนาน เลือกทีมที่เข้าใจธุรกิจและเทคโนโลยีไปพร้อมกัน คือ หัวใจของการสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
หากคุณยังไม่มั่นใจ ควรขอคำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าในระยะยาว